Win 7 Starter ซ่อนไร้สาย”ad-hoc”


             ***   Windows 7 Starter จะมีความคล้ายคลึงกับ Windows Vista Basic มาก โดยมันจะเป็นเวอร์ชันที่ลดคุณสมบัติการทำงานบางอย่างของระบบปฏิบัติการลงไป อย่างเช่น ความสามารถการเชื่อมต่อไร้สายในโหมด ad-hoc แต่ข่าวดีคือ ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า คุณสมบัติดังกล่าวไม่ได้ถูกถอดถอนออกไป หากแต่ถูกซ่อนไว้ต่างหากสำหรับ โหมดการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Ad-hoc จะเป็นวิธีที่คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ผ่านแอคเซสพอยน์ หรือเราท์เตอร์ ซึ่งการสื่อสารด้วยโหมดนี้จะทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในโหมดเดียวกันและอยู่ในละแวกใกล้เคียงสามารถค้นพบ และสื่อสารกันได้แบบ peer-to-peer นั่นเอง โดยจากข้อมูลจากไมโครซอฟท์ระบุว่า คุณสมบัติดังกล่าวไม่มีอยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows 7 Starter Edition

ที่มา : arip.co.th

สาธิตการเล่น”แฟลช”บน Nexus One

               หลังจากที่เปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ " Nexus One " สมาร์ทโฟนของกูเกิ้ล (Google) ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไปไม่น้อย จนทำให้แอปเปิล (Apple) ถึงกับต้องลุกขึ้นมาประกาศ เตรียมอัพเกรดซีพียูของไอโฟน (iPhone)ให้แรงกว่านี้ คราวนี้เราลองมาดูความสามารถในการเล่นแฟลช (Adobe Flash) บน Nexus One กันดูดีกว่าครับว่า มันน่าประทับใจแค่ไหน?




                  ก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับ Flash 10.1 beta ออกมา ซึ่งในโอกาสที่กูเกิ้ลได้เปิดตัวสมาร์ทโฟน    " Nexus One " ทางบริษัท Adobe ก็เลยใช้จังหวะนี้ทดลองแฟลชเพลเยอร์ตัวใหม่บนมือถือของกูเกิ้ลเสียเลย ส่วนประสิทธิภาพของมันจะน่าประทับใจแค่ไหน คงต้องให้คุณผู้อ่านได้พิสูจน์ด้วยสายตาตนเองจากในคลิปสาธิตการทำงานด้านบนนี้ก็แล้วกันนะครับ

ที่มา : arip.co.th

GooGle เปิดตัว Nexus One สมาร์ทโฟนรุ่น 2





           ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารกูเกิ้ล แถลงเปิดตัว 'Nexus One' สมาร์ทโฟนรุ่นที่ 2 ใช้ระบบปฏิบัติการแอน ดรอยด์ หวังท้าชน 'iPhone'...
           สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า ผู้ก่อตั้ง และผู้บริหาร เสิร์ซเอนจิน ชื่อก้องโลก 'กูเกิ้ล' เซอร์จีย์ บริน และ แลร์รี่ เพจ เตรียมแถลงเปิดตัว 'Nexus One' โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นที่ 2 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ในวันที่ 5 ม.ค. ที่สำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย ก่อนปล่อยสินค้าจริงให้ชาวโลกได้สัมผัส
           สำหรับโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน 'Nexus One' นั้น ผลิตโดยบริษัท HTC โดยจะวางขายบนระบบออนไลน์ สนนราคาประมาณ 300 ปอนด์ หรือราว 16,000 บาท นับเป็นการท้าชนกับ 'iPhone' ของ 'Apple' รายงานล่าสุดระบุว่า 'Nexus One' จะวางตลาดภายในเดือน ม.ค. 2010 แน่นอน


ข่าวจาก : ไทยรัฐ
วันที่ : 5 มกราคม 2553 เวลา 20:27 น.

การจัดการความรู้โดยใช้โมเดลปลาทู

“โมเดลปลาทู” เป็นโมเดลที่เปรียบการจัดการความรู้เป็น 3 ส่วนคือ
         

                 1..หัวปลา หมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางการจัดการความรู้ โดยจะต้องเป็นส่วนของผู้ดำเนินกิจกรรม KM ทั้งหมด
                2..ตัวปลา หมายถึง ส่วนของการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งจะต้องกระตุ้นให้ผู้ดำเนินกิจกรรม KM มีการแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะความรู้ซ่อนเร้นที่มีอยู่ และอำนวยให้เกิดการเรียนรู้แบบเป็นทีมเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนความรู้และเกิดนวัตกรรมในที่สุด
               3..หางปลา หมายถึง ส่วนของคลังความรู้ ที่ได้จากการเก็บสะสม เกร็ดความรู้ที่ได้จากกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งเราอาจเก็บส่วนของหางปลานี้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ICT ซึ่งเป็นการสกัดความรู้ที่ซ่อนเร้นให้เป็นความรู้เด่นชัด นำไปใช้และยกระดับต่อไป


ที่มา   การจัดการความรู้ โรงพยาบาลสวนปรุง และ e-newslettor ฉบับที่ 9 ประจำเดือน พฤศจิกายน2548
ไฟล์ประกอบเพิ่มเติม จากการจัดการความรู้ในองค์กร สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ประวัติส่วนตัว





ชื่อ-สกุล : นางสาวอิสรา เกตุรัตน์
ชื่อเล่น : จิ๊บ
อายุ 19 ปี
เกิดวันที่ 22 มกราคม 2533
รหัส : 51116940101 ตอนเรียน : C1
หลักสูตร : เทคโนโลยีสารสนเทศ คณะ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถานศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
E-mail : Jib_2233@hotmail.com
Tel : 089-0623974

Windows 7 ยังไม่ใช่เวอร์ชันสุดท้าย



             ฟีเจอร์ของ Windows 7 คาดว่าไม่น่าจะจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากว่านี้ในเวอร์ชันสุดท้าย แต่ด้วยการทดสอบซ้ำไปซ้ำมาในเวอร์ชัน Release Canddidate ผมเชื่อว่าวิศวกรของไมโครซอฟท์ต้องหาทางพยายามปรับแต่งแก้ไขโค้ดให้มีประสิธิภาพมากว่านี้แน่นอน
              ถ้าหากทดสอบ Windows 7 เวอร์ชันสุดท้ายในอนาคต ยืนยันถึงผลคะแนนไม่แตกต่างจากที่ทดสอบไปเบื้องต้น ผมเชื่อแน่ว่า กลุ้มผู้ใช้งานวินโดวส์คงผิดหวังมากๆ และก็ตามมาด้วยเสียงบ่นว่า Windows Vista ยังทำงานได้ช้ากว่า Windows XP เสียอีก ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็แปลว่า Windows 7 ไม่สามารถ เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นไปจาก Windows Vista ได้มากนักแล้วจะแนวโน้มน้าวให้คนที่ใช้ Windows Vista หรือ XP มาอยู่ปฏิบัติการตัวใหม่ได้อย่างไร
             แต่ถึงกระนั้น ผมเองก็ยังไม่ได้ทดสอบความสามารถอื่นๆ อย่างเช่น เวลาที่ใช้ในการเปิดเครื่อง ที่ Windows 7 ทำงานได้ที่กว่า Windows Vista แน่นอน และวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้คุณใช้ Windows 7 แล้วรู้สึกดรคือ ไปโหลดเวอร์ชัน Release Canddidate มาทดลองใช้งานก่อนนั้นเอง

วิธีการทดสอบ
            ผมได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง ในการทดสอบครั้งนี้ ด้วยคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป Maingear M4A79T Deluxe และ HP Pavilion A6710t และแลบทอปอีก 1 เครื่องอย่าง Dell Studio XPS 16 โดยที่คอมพิวเตอร์เดสก์ทอป Maingear จะมาพร้อมกับซิปประมวลผล AMD Phenom II X4 955 Black Edition ที่มีความเร็ว 3.2 กิกะเฮิรตซ์ แต่ได้โอเวอร์คล็อกไปที่ความเร็ว 3.71 กิกะเฮิรตซ์ แรม 4 กิกะไบต์ พร้อมกราฟิกการ์ด ATI Radeon HD 4890 แบบคู่ ส่วน HP Pavilion คอวพิวเตอร์เดสก์ทอปเมนสตีม จะใช้ซิปประมวลผล Intel Pentium dual – core E5300 ที่มีความเร็ว 2.6 กิกะเฮิรตซ์ แรม 3 กิกะไบต์ และใช้กราฟิกการ์ด nVidia GeForce 930GE สุดท้าย แลปทอป Dell Studio XPS 16 จะมาพร้อมกับ ซิปประมวลผล Intel Core 2 Duo โปรเซสเซอร์ ที่ความเร็ว 2.4 กิกะไบต์ แรม 4กิกะไบต์ และกราฟิกการ์ด ATI Mobility Radeon HD 3670 
            คอมพิวเตอร์ทั้ง 3 เครื่องนี้ จะถูกรันด้วยชุดโปรแกรมทดสอบ WoridBennch 6 ดว้ยการติดตั้ง Windows Vista Ultimate with SP 1 เวอร์ชัน 32 บิตด้วยการฟอร์แมตเครื่องใหม่ จากนั้นค่อยทดสอบ
Windows 7 Ultimate Release Canddidate เวอร์ชัน 32 บิตเช่นกัน จากนั้นก็จัดการอัพเดตระบบปฏิบัติการให้เรียบร้อยก่อนด้วย Windows Update และติดตั้งไดร์เวอร์ฮาร์ดแวร์ที่ใหม่ที่สุดเท่าที่จะหาได้


บทความจาก : PC World

นิสัยเสียที่ต้องเลี่ยงจากการใช้คอมพ์




                 1. ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอเพราะระยะ ห่างที่ปลอดภัยระหว่างดวงตาเรากับจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่ 20-24 นิ้ว ดังนั้นถ้าเรายื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้กว่านั้น ดวงตาเราก็จะได้รับทั้งรังสีปริมาณมาก และการเพ่งจอใกล้ๆ มีผลทำให้ปวดตาเราก็จะได้รับทั้งรัวสีปริมาณมาก และการเพ่งจอใกล้ๆ มรผลทำให้ปวดหัว ปวดตา อาการระยะยาวคืออาจจะเป็นต้อกินและตาบอดได้นะครับ
                2. ตั้งจอสะท้อนเข้าตา พยายามหันหน้าจอให้มีแสงจ้าๆ สะท้อนเข้าตาเราเช่นวางจอไว้ใกล้ๆ หน้าจอ เพราะแสงที่สะท้อนออกมาจากจอคอมพิวเตอร์สามารถทำให้ดวงตาของเราเมื่อยล้าได้ง่ายๆ
                3. พยายามจ้องจอคอมพิวเตอร์ให้นานๆ มากกว่าครั้งละ 30 นาที ถ้าเมรู้สึกปวดตาเมื่อไหร่แสดงว่าใช้ได้แล้ว เพราะนั้นหมายถึงดวงตาเริ่มล้าแล้ว ทำบ่อยๆ คุณภาพตาจะแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าไม่กะพริบตาเลยจะยิ่งไปกันใหญ่เพราะจะทำให้ตาแห้งเลยล่ะ แล้วก็แสบตาในที่สุดส่วนแผงกระจกกรองแสง ถ้ามีก็ถอดออกเสียเพราะจะเป็นการกรองรังสีจากจอ
               4. นั่งให้ผิดท่า ชุดเก้าอี้และได้โต๊ะที่ใช้ถ้าหาแบบที่ต่างระดับกันได้มากๆ จะทำให้ท่านั่งผิดสุขลักษณะ ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกที่แขน ไหล่ หลังและคอเราสามารถเพิ่มระดับความอักเสบของกล้ามเนื้อให้มากขึ้นด้วยการนั่งผิดท่า นั่นก็คือเวลาใช้คอมพิวเตอร์อย่านั่งหลังตรง ให้นั่งค้อมไปข้างหน้าบ้าง แอนไปหลังบ้าง
                5. วางคีย์บอร์ดให้ผิดทาง เวลาพิมพ์งานลองหามุมวางคีย์บอร์ดแล้วทำให้ต้องวางมืออยากๆ ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์แรงเพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ จะเมื่อยและเจ็บนิ้ว และยังของแถมคือคีย์บอร์ดจะเจ๊งเร็วขึ้น เก้าอี้ที่ใช้ให้เลือกใช้แบบที่ไม่มีให้วางแขน เพื่อที่แขนเราจะได้เกร็ง เมื่อเกร็งมากๆก็จะเมื่อยแขน ปวดไหล่ ปวดนิ้ว ลามไปถึงคอและ    หลังด้วย
                6. กินขนมหน้าคอมพิวเตอร์ ให้หาขนมกินในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย เพราะมีโอกาสที่เศษขนมหรือเกร็ดน้ำตาลจะหล่นลงไปในคีย์บอร์ด แล้วกลายเป็นอาหารของแบตทีเรีย ซึ่งถ้าเราใช้คีย์บอร์ดสลับกับการกินขนมทุกครั้งแบบนี้อีกเราอาจจะโชคดีท้องเสีย เพราะนิ้วของเราย่ำยีอยู่กับแหล่งเพราะเชื้อตลอดเวลานั่นเอง
                7. แซ่แข็งตัวเองอยู่หน้าจอพยายามหาเรื่องอะไรมาทำให้ตังเองเพลินๆ จะได้นั่งอยู่หน้าเครื่องนานๆ จะได้ลืมให้หมดว่าการที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบถนานๆ จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เครียดจนเมื่อยจนปวด จะได้ลืมว่าถ้าปวดฉี่แล้วไม่ยอมไปห้องน้ำจะทำให้เราเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบ

ที่มา... www.comsimple.com/index.php?option=com